ข้อคิดจากหนังสือ “ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน"

474 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ข้อคิดจากหนังสือ “ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน"

10 ข้อคิดจากหนังสือ “ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน"



 1. เกลียดคนอื่นบ้างก็ได้

ไม่ได้หมายถึงให้เอาแต่มองข้อเสียหรือข้อบกพร่องของคนอื่น แต่หมายถึงให้คุณยอมรับกับตัวเองว่าไม่ชอบคนที่มีนิสัยแบบไหน แล้วให้สร้างระยะห่างกับคนที่มีนิสัยแบบนั้น การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คนคนนั้นล้ำเส้นคุณได้ตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความอึดอัดใจและความเครียด


2. ตระหนักอย่างฉับไวเมื่อถูกล้ำเส้น


ถ้ารู้สึกขุ่นมัวกับพฤติกรรมใด ให้คิดไว้ก่อนเลยว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณจะถูกล้ำเส้นเข้าแล้ว เมื่อคุณตระหนัก คุณจะเริ่มเข้าใจว่าตัวเองไม่อยากถูกกระทำแบบไหน อะไรบ้างที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิต และอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดีจริง ๆ แล้วคุณก็จะได้ใช้ชีวิตด้วยเรื่องราวของตัวเองอย่างแท้จริง


3. เวลาที่จิตใจอ่อนแอ จงถอยห่างจากคนที่ตัดสินคุณ


สำหรับคนที่กำลังเผชิญกับปัญหา พลังใจถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด การจะเจอกับ “ใคร” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คนที่คุณใช้เวลาด้วยในยามที่จิตใจอ่อนแอควรเป็นคนที่ทำให้คุณรู้สึกว่า “ดีใจจริง ๆ ที่ได้เจอกัน”  ไม่ใช่ “ไม่น่าเจอเลย”


4. คุณไม่ได้ทำงานเพื่อเอาความอดทนไปแลกเงิน


คุณไม่ควรจมปลักอยู่ในสภาพที่ต้องทนทุกข์ไปเรื่อย ๆ ทั้งที่รู้ตัวว่าทรมาน ความอดทนเป็นทักษะที่ควรใช้ก็ต่อเมื่อมันเป็นการอดทนต่อ “ความยากลำบากในระยะสั้น” เพื่อ “ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว” เท่านั้น หากคุณฝืนทนเก็บความรู้สึกโกรธ เศร้า หรือทรมานเอาไว้ คุณจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้ความต้องการของตัวเอง


5. จงขอโทษเพื่อเยียวยาความสัมพันธ์เท่านั้น


อย่าขอโทษเพียงเพราะว่าคุณไม่สามารถทำตามความต้องการของอีกฝ่ายได้ และอย่าขอโทษเพียงเพราะความรู้สึก “อยากได้รับการให้อภัย” แต่จงขอโทษเมื่อคุณสร้างความเดือดร้อนและความเสียหายให้กับอีกฝ่าย คุณได้ใคร่ครวญถึงความเจ็บปวดนั้นอย่างจริงจังแล้ว และอยากขอโทษเพื่อเยียวยาความสัมพันธ์  


6. ไม่เสียเวลาไปกับการรู้สึกผิดต่อคนอื่น


เมื่อ “ความรู้สึกผิดที่ไม่จำเป็น” เข้าครอบงำ คุณจะยอมทำตามในสิ่งที่คนอื่นต้องการ ทั้งที่ไม่ใช่ความต้องการของคุณเลย มันอาจส่งผลให้คุณเสียใจ เกลียดตัวเอง หรือถึงขั้นลดคุณค่าในตัวเอง คุณต้องให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นอันดับแรก!     


7. เรื่องไหนไม่ชอบก็หนีซะ การอยู่อย่างสุขใจต้องมาก่อน


ลองสังเกตตัวเองในแต่ละวันว่ามีช่วงเวลาไหนบ้างที่คุณคิดว่า “เวลาผ่านไปเร็วจัง” และ “เวลาผ่านไปช้าจัง” มันจะช่วยบอกให้คุณรู้ว่าคุณสนุกหรือทนทุกข์กับการทำสิ่งนั้น เคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจคือ “ถอยห่างจากสิ่งที่ไม่ชอบ” “ปฏิเสธสิ่งที่ไม่ต้องการ” และ “เลิกทำสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเอง”


8. การแบกภาระที่คนอื่นไหว้วานคือการยอมให้ดูดพลังชีวิต


การไหว้วานที่คุณอยากทำให้จริง ๆ มีอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่มักเป็นอะไรที่ “ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากทำ”  ถ้ามันเกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้งก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าต้องทำบ่อย ๆ ก็เท่ากับว่าคุณเอาพลังงานกับเวลาของตัวเองไปให้คนอื่นเป็นประจำ ต่อไปอาจจะเกิดการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวตามมาได้


9. ตามหาคอนเทนต์ที่ช่วยเยียวยาตัวเรา


โลกทุกวันนี้มีคอนเทนต์อยู่มากมายนับไม่ถ้วน คอนเทนต์อย่างนิยาย การ์ตูนอะนิเมชั่น หรือเกมก็เป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจและชีวิตของผู้คนมานักต่อนัก ลองเจียดเวลาแค่วันละ 1 นาทีเพื่อค้นหาสิ่งที่ทำให้รู้สึกสนุกจากใจจริงดู ไม่แน่สักวันคุณอาจจะเจอกับคอนเทนต์ที่ถึงกับเปลี่ยนชีวิตคุณได้เลยทีเดียว


10. หา “เวลาพัก” ให้ร่างกาย เพื่อฟังเสียงของร่างกายได้ชัดเจนขึ้น


ลองทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน ออกไปสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ แล้วนั่งเฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลยนอกจากการหายใจ พร้อมกับจินตนาการว่าอากาศที่สูดขึ้นมาจากปลายเท้าช่วยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ชอบให้ปลิวออกไปพร้อมกับลมหายใจออก แค่นี้ก็เท่ากับคุณช่วยให้ร่างกายได้หยุดพักแล้ว 


ถ้าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ ‘อดทน’ จนอึดอัดใจ ลองอ่าน “ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน” 


ไม่แน่ว่าหลังอ่านเล่มนี้จบ ชีวิตคุณอาจเปลี่ยนไปและโล่งสบายกว่าที่เคย 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้